OMEGA X SWATCH กับ Speedmaster Moonwatch เหมือนและต่างกันอย่างไร

หลังจากที่เราได้เห็นกระแสตอบรับที่มาแรงมากกับการต่อคิวซื้อนาฬิกาที่หน้าบูติก Swatch ทั่วโลก วันนี้ Auction House จะพาทุกคนมารู้จักนาฬิกาจาก OMEGA X SWATCH กัน โดย Omega ได้ร่วมมือกับทาง Swatch เพื่อนำเอาเรือนเวลา Speedmaster Moonwatch ในตำนาน มาสร้างสรรค์เป็นนาฬิกาในคอลเลกชันใหม่ "Bioceramic MoonSwatch" ที่นำดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาลมาย่อส่วนเป็นนาฬิกา Swatch สุดเท่ พร้อมตั้งชื่อตามดวงดาวบนท้องฟ้า โดยเผยโฉมให้เลือกถึง 11 แบบ มีเฉดสีอันเป็นเอกลักษณ์ และทุกรุ่นมาพร้อมวัสดุ Bioceramic (ไบโอเซรามิก) ที่เป็นสิทธิบัตรของแบรนด์ มาในขนาด 42.0 มิลลิเมตร จำนวน 10 รุ่น และ 38.0 มิลลิเมตรอีก 1 รุ่น ทีนี้มาดูกันว่านาฬิกา Bioceramic MoonSwatch กับ Speedmaster Moonwatch เหมือนและแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

Bioceramic MoonSwatch กับ Speedmaster Moonwatch เหมือนกันอย่างไร

ความเหมือนของ Bioceramic MoonSwatch กับ Speedmaster Moonwatch

Omega Speedmaster เป็นนาฬิการะบบ Chronograph หรือนาฬิกาที่มีฟังก์ชันจับเวลา และเป็นหนึ่งในนาฬิกา Chronograph ที่ไอคอนิคที่สุดเพราะเป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลกที่ได้ลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ ดังนั้นนาฬิกาคอลเลกชัน Bioceramic MoonSwatch จึงได้นำความเป็นเอกลักษณ์นี้มาถ่ายทอดผ่านนาฬิกา Swatch โดยอย่างแรกที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลย ก็คือ หน้าตาของนาฬิกา Bioceramic MoonSwatch ที่อ้างอิงมาจาก Speedmaster Moonwatch รวมถึงมีการออกแบบรายละเอียดต่าง ๆ ให้เหมือนกับต้นฉบับ ไม่ว่าจะเป็น ขนาดหน้าปัดที่ 42 มิลลิเมตร พร้อมกับหน้าปัดย่อย 3 หน้าปัด โดยหน้าปัดแรกฝั่งขวามือจะบอกเวลาเป็นวินาที ฝั่งขวามือใช้จับเวลาเป็นหน่วยนาที และด้านล่างจะจับเวลาเป็นหน่วยชั่วโมง รวมไปถึงปุ่มโครโนกราฟและเม็ดมะยมที่คงไว้เหมือนต้นฉบับ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีสเกล Tachymeter หรือที่เรียกว่า มาตรวัดความเร็ว อยู่บริเวณกรอบหน้าปัดอันเป็นเอกลักษณ์ของ Speedmaster ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้มีลักษณะเหมือนกันและทำงานเหมือนกันทุกประการ

Bioceramic MoonSwatch กับ Speedmaster Moonwatch แตกต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างระหว่าง Bioceramic MoonSwatch กับ Speedmaster Moonwatch

อย่างแรกเลยก็คือ วัสดุ โดยตัวเรือนของ Bioceramic MoonSwatch ใช้วัสดุ Bioceramic เป็นวัสดุชีวภาพที่นำเอามาผสานเข้ากับเซรามิกจนเกิดเป็นวัสดุใหม่ ที่มีความทนทานสูง แต่ยังคงความยืดหยุ่นไม่แตกง่ายเหมือนเซรามิกทั่วไป ในขณะที่ Speedmaster Moonwatch ใช้วัสดุ Stainless Steel ที่มีความแข็งทนทานสูงมาก

ส่วนสายนาฬิกาของ Bioceramic MoonSwatch จะเป็น Velcro Strap ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่นักบินอวกาศ Apollo สวมใส่กับชุดอวกาศ ขณะที่ Speedmaster Moonwatch ใช้วัสดุ Stainless Steel 316L ที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี มาพร้อมปุ่มล็อกแบบบานพับที่แน่นหนา มั่นใจได้ว่านาฬิกาจะไม่หลุดจากข้อมือในทุกการทำกิจกรรม

ซึ่งความแตกต่างของวัสดุก็เป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อราคานาฬิกา ทำให้นาฬิกาทั้ง 2 มีราคาที่แตกต่างกัน

กลไกของ Bioceramic MoonSwatch กับ Speedmaster Moonwatch แตกต่างกันอย่างไร

กลไกของ Bioceramic MoonSwatch กับ Speedmaster Moonwatch มีความแตกต่างกัน

หนึ่งในจุดที่สำคัญที่สุดของนาฬิกาและมีผลต่อราคาก็คงหนีไม่พ้นกลไกของนาฬิกา โดยที่ Bioceramic MoonSwatch ใช้กลไกระบบควอตซ์ หรือ นาฬิกาใส่ถ่าน ที่มีความแม่นยำและราคาถูก แต่จะโดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ตรงบริเวณใส่ถ่านจะถูกออกแบบเป็นดวงดาวต่าง ๆ ตามภารกิจของดาวนั้น ๆ

ในขณะที่ Speedmaster Moonwatch จะใช้กลไกระบบไขลาน CALIBRE OMEGA 1863 ซึ่งเป็นกลไก Chronograph ไขลานด้วยมือ ที่มีชื่อเสียง สืบทอดมาจากกลไกที่ถูกสวมใส่บนดวงจันทร์ ซึ่งระบบกลไก Chronograph นี้ เป็นหนึ่งในกลไกที่มีความซับซ้อนสูงมากและสิ่งนี้เองที่ส่งผลต่อราคานาฬิกาเป็นอย่างมาก ทำให้นาฬิกามีราคาแตกต่างกัน

Mission to the Sun | Mission to Mercury | Mission to Venus

อีกจุดที่แตกต่างของ Moonswatch ก็คือการออกแบบตัวเรือนตามธีมที่ทำภารกิจไปสู่ดวงดาวต่าง ๆ

มาเริ่มกันที่ Mission to the Sun ความร้อนของดวงอาทิตย์ ปรากฏเป็นหน้าปัดสีเหลืองสดใสสไตล์ Sun-brushed (ลายรัศมี ) ที่ล้ำสมัย ตัดกับวงหน้าปัดย่อยสีขาวและเข็มสีแดง จับคู่เข้ากับสาย VELCRO© สีขาว ส่วนด้านหลังตัวเรือนโดดเด่นด้วยฝาปิดแบตเตอรี่ที่ถูกออกแบบเป็นรูปดวงอาทิตย์เข้ากับธีม

ต่อมาเป็น Mission to Mercury ดาวพุธ ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ทำให้มีสีเทาเข้มกลมกลืนไปกับหน้าปัดย่อยสีดำและพื้นผิวสีเข้ม มาพร้อมสายรัด VELCRO© สีเทาเมทัลลิกเข้ากับตัวเรือนได้อย่างลงตัว ด้านหลังตัวเรือนตรงฝาปิดแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้เป็นรูปดาวพุธ

สำหรับ Mission to Venus รุ่นนี้มีความพิเศษด้วยขนาดตัวเรือนลดลงที่ 38 มิลลิเมตร เพื่อให้เข้ากับข้อมือของสุภาพสตรี ตัวเรือนจึงเป็นสีชมพูหวาน ตัดกับพื้นหน้าปัดสีไข่และขอบตัวเรือนทูโทนสีชมพู - ขาว มาพร้อมหน้าปัดย่อยรูปวงรีที่ออกแบบด้วยลวดลายคล้ายเพชรบริเวณขอบเพื่อเพิ่มความสง่างามให้กับเรือนของผู้หญิง จับคู่กับสายรัด VELCRO© สีขาวเข้ากับตัวเรือนสีชมพูสวยงาม ด้านหลังตัวเรือนตรงฝาปิดแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้เป็นรูปดาวศุกร์

Mission on Earth รุ่นนี้โดดเด่นด้วยสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตัดกับเข็มวินาทีและเข็มนาฬิกาโครโนกราฟเป็นสีน้ำตาล หน้าปัดย่อยเป็นสีขาว เช่นเดียวกับตัวเลขมาตรวัดความเร็วตรงกรอบหน้าปัดสีน้ำเงิน มาพร้อมสายรัด VELCRO© สีน้ำเงินกรมท่า ด้านหลังตัวเรือนตรงฝาปิดแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้เป็นรูปโลก

Mission on Earth | Mission to the Moon | Mission to Mars | Mission to Jupiter

Mission to the Moon โดดเด่นด้วยตัวเรือนสีเทาเหมือนกับพื้นผิวของดวงจันทร์ คล้ายกับ Speedmaster Moonwatch แบบดั้งเดิมมากที่สุด มาพร้อมหน้าปัดและขอบสีดำคลาสสิก จับคู่กับสาย VELCRO© สีดำ เข็มนาฬิกาและสเกลทาคีมิเตอร์เป็นสีขาวทั้งหมด เช่นเดียวกับ Moonwatch รุ่นดั้งเดิม ด้านหลังตัวเรือนตรงฝาปิดแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้เป็นรูปดวงจันทร์

ถัดมาเป็น Mission to the Mars ตัวเรือนใช้โทนสีแดงอันร้อนแรงตัดกับหน้าปัดสีขาวสว่าง มาพร้อมเข็มวินาทีและนาทีสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์ในรูปทรงยานอวกาศที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่น Alaska Project จับคู่กับสายรัด VELCRO© สีขาว ทำให้นาฬิกาดูสวยงามและโดดเด่น ส่วนด้านหลังตัวเรือนตรงฝาปิดแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้เป็นรูปดาวอังคาร

Mission to the Jupiter นาฬิการุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความคลาสสิก นำเสนอในโทนสีเบจที่สง่างาม ตัดกับเข็มวินาทีโครโนกราฟและเข็มย่อยสีส้ม จับคู่กับสาย VELCRO© สีดำที่ตัดกับสีตัวเรือนได้อย่างลงตัว ส่วนด้านหลังตัวเรือนตรงฝาปิดแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้เป็นรูปดาวพฤหัสบดี

Mission to the Saturn โดดเด่นด้วยวงแหวนดาวเสาร์ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ตัวเรือนเป็นสีเบจมาพร้อมกับขอบหน้าปัดและหน้าปัดย่อยสีน้ำตาลที่กลมกลืนกันเป็นอย่างดี รวมไปถึงเข็มวินาทีโครโนกราฟก็เป็นสีน้ำตาล จับคู่กับสายรัด VELCRO© สีน้ำตาลเช่นกัน ด้านหลังตัวเรือนตรงฝาปิดแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้เป็นรูปดาวเสาร์

Mission to Saturn | Mission to Uranus | Mission to Neptune | Mission to Pluto

Mission to the Uranus ตัวเรือนสีฟ้าอ่อนพาสเทลสดใส มาบรรจบกับสายรัด VELCRO© สีขาวสว่าง รวมไปถึงเข็มนาฬิกาโครโนกราฟและขอบหน้าปัดสีขาวที่ตัดกับกรอบหน้าปัดและพื้นหน้าปัดสีฟ้าสดใส ทำให้นาฬิกามีสีสันดึงดูดสายตาได้เป็นอย่างดี มาพร้อมฝาปิดแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้เป็นรูปดาวยูเรนัสอยู่ด้านหลังตัวเรือน

Mission to the Neptune โดดเด่นด้วยตัวเรือนสีน้ำเงินเป็นตัวแทนดาวน้ำแข็งยักษ์ มาพร้อมกรอบหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มเข้ากับตัวเรือนน้ำเงินอ่อน และตัดกับสายรัด VELCRO© สีดำ ทำให้นาฬิกาเรือนนี้สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ชื่นชอบความมืด ในทางตรงกันข้าม เข็มวินาทีโครโนกราฟ เข็มย่อย และสเกลทาคีมิเตอร์จะเป็นสีขาวสว่าง ทำให้องค์ประกอบของนาฬิการุ่นนี้เข้ากันได้อย่างลงตัว ส่วนด้านหลังตัวเรือนมาพร้อมฝาปิดแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้เป็นรูปดาวเนปจูนสีน้ำเงินสวยงาม

ปิดท้ายด้วย Mission to the Pluto ตัวเรือนโทนสีเทาอ่อนเข้ากับสายรัด VELCRO© สีเทาเข้ม หน้าปัดสีครีมพร้อมขอบตัวเรือนและหน้าปัดย่อยสีแดงเบอร์กันดีผสานกันได้อย่างสวยงาม เข็มวินาทีของโครโนกราฟและเข็มนาฬิกาย่อยเป็นสีดำ มาพร้อมฝาปิดแบตเตอรี่ถูกออกแบบให้เป็นรูปดาวพลูโตอยู่ด้านหลังตัวเรือน

นาฬิกาคอลเลกชัน Bioceramic MoonSwatch ทั้งหมด 11 แบบ ที่ได้นำเสนอมานี้ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นความสดใหม่ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะเป็นครั้งแรกในการร่วมมือกันของทั้งสองแบรนด์ที่เราสามารถซื้อนาฬิกาที่มีการดีไซน์ที่ Iconic ที่สุดในโลกในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาต่อแถวเข้าคิวซื้อกันอย่างล้นหลาม ก็ต้องมารอดูกันต่อว่ายอดขายจะพุ่งสูงไปอีกเท่าไร

ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Rolex มือสอง ได้ที่นี่

ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Patek Philippe มือสอง ได้ที่นี่

ตรวจสอบ ราคานาฬิกา Audemars Piguet (AP) มือสอง ได้ที่นี่

Auction House เว็บไซต์ ซื้อ - ขาย นาฬิกามือสอง ของแท้ ตรวจสอบราคา Rolex, Patek philippe, Audemars Piguet (AP), Omega, Panerai, IWC, Hublot, Cartier, Franck muller ได้ที่นี่